พระกรุหลวงพ่อโต หลวงปู่ชู วัดนาคปรก ภาษีเจริญ กรุงเทพ
วัตถุมงคลคณาจารย์ รุ่นต่างๆ
พระกรุหลวงพ่อโต หลวงปู่ชู วัดนาคปรก ภาษีเจริญ กรุงเทพ
พระกรุหลวงพ่อโตวัดนาคปรกนั้น สร้างขึ้นโดย ท่านพระอธิการชู หรือ หลวงปู่ชู คงชูนาม อดีตเจ้าอาวาสวัดนาคปรก ท่านเป็นสุดยอดพระเกจิอาจารย์ผู้เรืองวิทยาคม แห่งลุ่มน้ำปากคลองภาษีเจริญ ตามตำนานเล่าขานกันว่า แม้แต่ท่านเจ้าคุณเฒ่า เทพเจ้าแห่งทุ่งบางขุนเทียน หรือ ท่านหลวงปู่เอี่ยม วัดหนัง ที่พวกเรารู้จักกันดี ยังให้การยอมรับในพุทธาคมของท่าน ถึงขนาดว่าหากมีคนในย่านตลาดพลูไปขอของดีจากท่าน ท่านเจ้าคุณเฒ่าจะบอกกล่าวแก่ผู้คนเหล่านั้นว่า “ให้กลับไปขอของดี ของขลัง จากท่านอธิการชู ที่วัดนาคปรกกันเถิด เพราะวิทยาคมของท่านอธิการชู ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าฉันเลย”
หลวงปู่ชูท่านได้สร้าง พระกรุหลวงพ่อโตวัดนาคปรกอันโด่งดัง เมื่อคราวที่ท่านทำพิธีเททองหล่อ องค์พระหลวงพ่อโต พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์แห่งวัดนาคปรกทั้งสององค์ สองครั้ง โดยทำพิธีเททองหล่อ หลวงพ่อโตองค์เล็ก ครั้งแรก ในปี พ.ศ.๒๔๖๕ และทำพิธีเททองหล่อหลวงพ่อโตองค์ใหญ่เป็นครั้งที่สอง ในปี พ.ศ.๒๔๗๒ เพื่อประดิษฐาน ณ พระวิหารหลวงพ่อโตวัดนาคปรก ไว้ให้พี่น้องประชนผู้เลื่อมใสศรัทธา ได้กราบไหว้ในองค์หลวงพ่อโต
ประวัติการแตกกรุ ของพระกรุหลวงพ่อโตวัดนาคปรกเนื้อทองเหลืองนั้น มีการแตกกรุด้วยกันสองครั้งคือ ครั้งแรกแตกเมื่อมีโขมยใจบาปแอบเข้ามาตัดเศียรองค์หลวงพ่อโต แต่ก็เกิดสิ่งอัศจรรย์ในคราวนั้น เมื่อขโมยใจบาปเหล่านั้น กลับไม่สามารถนำเศียรขององค์หลวงพ่อโตออกไปได้ กลับเดินวนเวียนหลงทางหาทางออกจากวัดไปไม่ได้จนเกือบใกล้รุ่งสาง พวกหัวโขมยใจบาปจึงได้นำเศียรขององค์หลวงพ่อโตไปแอบซุกซ่อนไว้ ที่พงหญ้าริมกำแพงพระอุโบสถของวัด
พระกรุหลวงพ่อโต หลวงปู่ชู วัดนาคปรก เนื้อทองเหลือง องค์ที่ 1
ซึ่งในครั้งนั้น ทางวัดโดยพระเดชพระคุณหลวงพ่อ พระครูศรีพัฒนคุณ พิศิษฐ สิมมามี เจ้าอาวาสวัดนาคปรกในสมัยนั้น และคณะกรรมการของวัดได้ทำการสำรวจที่องค์พระหลวงพ่อโต จึงได้พบพระพิมพ์หลวงพ่อโต ลักษณะเป็นพระแผงเนื้อทองเหลืองอยู่ภายในองค์พระจำนวนหนึ่ง ทางวัดจึงได้ทำการจดบันทึก และเก็บรักษาพระดังกล่าวไว้
ต่อมาเมื่อปี พ.ศ.2516 ทางวัดนาคปรกต้องการที่จะบูรณะปฏิสังขรณ์ถาวรวัตถุภายในวัด และจะขยายถนนที่เล็กคับแคบให้กว้างขึ้น เพื่อสดวกแก่ญาติโยมที่ต้องอาศัยทางของวัดเพื่อสัญจรเดินทาง จึงจำเป็นที่จะต้องทำการรื้อถอน เรือสำเภาปูนโบราณ ซึ่งได้สร้างขึ้นในสมัยของท่าน หลวงปูชู คงชูนาม อดีตเจ้าอาวาสวัดนาคปรก และยังได้รื้อถอนสถูปเจดีย์เก่าที่อยู่ข้างเรือสำเภาปูนออกอีกด้วย
พระกรุหลวงพ่อโต หลวงปู่ชู วัดนาคปรก เนื้อทองเหลือง องค์ที่ 2
การรื้อถอนในครั้งนั้น ทางวัดได้พบพระกรุที่สร้างขึ้นโดย ท่านหลวงปู่ชู อดีตเจ้าอาวาสวัดนาคปรก ที่บรรจุกรุไว้ในเรือสำเภาอยู่ด้วยกันหลายพิมพ์คือ 1.พระพิมพ์หลวงพ่อโต เนื้อทองเหลืองจำนวนหนึ่ง 2.พระพิมพ์หลวงพ่อโต เนื้อชินตะกั่ว พิมพ์สามเหลี่ยมนางพญา จำนวนไม่ถึงยี่สิบองค์ 3.พระพิมพ์กลีบบัว มีทั้งเนื้อดินเผา เนื้อว่าน เนื้อชานหมาก เนื้อชินตะกั่ว จำนวนไม่มากนัก 4.พระพิมพ์แหวกม่าน เนื้อดินเผาและเนื้อดินดิบผสมว่าน จำนวนไม่มาก 5.พระพิมพระสังกัลจาย เนื้อดินเผาจำนวนไม่มาก 6.พระพิมพ์หลวงพ่อโต เนื้อดินเผาหลายสิบไห
อีกทั้งยังพบพระที่ฝากกรุไว้ในสถูปเจดีย์เก่าที่อยู่ข้างเรือสำเภอปูนอีกจำนวนหนึ่ง พระกรุพิมพ์หลวงพ่อโต ที่ทางวัดได้พบในเรือสำเภาปูนโบราณในครั้งนั้น พระทั้งหมดถูกบรรจุอยู่ในไหโบราณมีฝาปิดอย่างดี จึงทำให้พระกรุหลวงพ่อโต วัดนาคปรก ที่ค้นพบในครั้งนั้นมีความแห้ง สภาพองค์พระค่อนข้างดีและไม่มีคราบกรุ
ภาพผู้เขียน เมื่อครั้งบวชสามเณรภาคฤดูร้อนรุ่นแรกของวัดนาคปรก โดยมีท่านพระครูศรีพัฒนคุณ เป็นหลวงพ่อพระผู้ดูอุปถัมภ์ดูแลสามเณรน้อยๆประดุจลูกของท่านทุกๆองค์ เมื่อวันที่ 1 พฤษพาคม 2517
ทางวัดนาคปรกซึ่งกำลังทำการบูรณะปฏิสังขรณ์ถาวรวัตถุต่างๆภายในวัดอยู่ในขณะนั้น จึงได้เปิดให้พี่น้องประชาชนผู้มีจิตศัทราในองค์หลวงพ่อโตและองค์หลวงปู่ชู วัดนาคปรก ได้ร่วมทำบุญเช่าบูชาเพื่อความเป็นศิริมงคลแก่ชีวิต โดยกำหนดราคาให้เช่าบูชาในขณะนั้น คือ 1.พระหลวงพ่อโตเนื้อทองเหลืองทั้งที่พบในเรือสำเภาปูนโบราณ และพระแผงที่พบในท้ององค์หลวงพ่อโต นำเอามาเลื่อยออกเป็นองค์พระเป็นองค์ๆ ในราคาองค์ละ 1000 บาท 2.พระหลวงพ่อโตเนื้อชินตะกั่ว พิมพ์สามเหลี่ยมนางพญา องค์ละ 1000 บาท 3.พระพิมพ์กลีบบัวเนื้อดินเผา ราคาองค์ละ 200 บาท เนื้อว่าน เนื้อชานหมาก เนื้อชินตะกั่ว ราคาองค์ละ 500 บาท 4.พระพิมพ์แหวกม่านเนื้อดินเผา องค์ละ 200 บาท เนื้อดินดิบผสมว่านองค์ละ 500 บาท 5.พระหลวงพ่อโตเนื้อดินเผา ราคาองค์ละ 50 บาท
พระกรุพิมพ์กลีบ หลวงปู่ชู วัดนาคปรก เนื้อชานหมาก
ส่วนพระพิมพ์พระสังกัลจายเนื้อดินเผาผู้เขียนจำราคาไม่ได้ หลังจากที่ทางวัดนาคปรกเปิดให้เช่าบูชาพระกรุหลวงปู่ชูที่แตกกรุนั้น พระทุกพิมพ์ได้หมดไปจากวัดนาคปรกในเวลาอันรวดเร็ว จะเหลือแต่พระพิมพ์หลวงพ่อโตเนื้อดินเผาซึ่งมีจำนวนการพบเป็นจำนวนมาก แต่สุดท้ายก็หมดไปจากวัดนาคปรกในอีกไม่กี่ปีต่อมา
พระกรุหลวงพ่อโต หลวงปู่ชู วัดนาคปรกนั้น เป็นพระเครื่องที่มากด้วยพุทธคุณ มีประสพการณ์ แคล้วคลาดปลอดภัย แก่ผู้เคารพศรัทธาในองค์หลวงปู่ ที่นำไปห้อยบูชา มีเรื่องเล่าขาน ถึงประสพการณ์ในพระเครื่องชุดนี้ ของท่านกันอย่างไม่รู้จบ จึงเป็นพระเครื่องอีกรุ่นหนึ่ง ที่น่าเสาะแสวงหา มาสะสมบูชาเป็นอย่างยิ่ง
พระกรุพิมพ์กลีบ หลวงปู่ชู วัดนาคปรก เนื้อว่าน
หมายเหตุ
ก่อนที่จะมีการแตกกรุในปี พ.ศ.2516 ผู้เขียนได้มีโอกาสติดตามคุณแม่ไปทำบุญที่วัดนาคปรกอยู่เป็นประจำ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ทางวัดได้มีการบูรณะปฏิสังขรณ์ จนทำให้พบพระกรุหลวงพ่อโตในเรือสำเภาโบราณดังกล่าว ซึ่งทางผู้เขียนได้อยู่ในเหตุการณ์ในขณะนั้น จนเกิดความศรัทธาในองค์หลวงปู่ชูวัดนาคปรก ต่อมาจึงได้บวชเป็นสามเณร ภาคฤดูร้อนรุ่นแรกของวัดนาคปรก ในปี พ.ศ.2517
พระกรุหลวงพ่อโตเนื้อดินเผา และกรุพระพิมพ์ต่างๆทั้งหมดที่พบในเรือสำเภาโบราณ ที่ท่านหลวงปู่ชูได้สร้างบรรจุกรุขึ้นไว้นี้ เป็นพระที่ปราศจากคราบกรุ เพราะมีการบรรจุไว้ภายในไหโบราณมีฝาปิดอย่างดี อีกทั้งสภาพกรุก็มั่นคงแข็งแรง กันน้ำ กันฝน ได้เป็นอย่างดี ผิวพรรณขององค์พระจะออกเป็นสีหม้อใหม่เกือบทั้งหมด จะมีออกสีน้ำตาลเข้ม สีขาวนวล และสีดำบ้างเล็กน้อย ดูเผินๆ จะเป็นเหมือนพระที่สร้างขึ้นใหม่ แต่ถ้าหากใช้แว่นขยายส่องดูที่องค์พระจะปรากฏว่ามีความเก่า และมีความแห้งถึงอายุถึงยุค
ภาพพระกรุ หลวงปูชู วัดนาคปรกทั้งหมดที่เราได้นำมาลงให้ท่านผู้ชมได้ชมกันในวันนี้ คุณแม่ของผู้เขียนคือ คุณแม่จินตนา รัตนประสิทธิ์ ท่านได้รับพระทั้งหมด สมัยร่วมทำบุญเมื่อครั้งกรุแตกในปี พ.ศ.2516 จากท่านพระเดชพระคุณหลวงพ่อ พระครูศรีพัฒนคุณ เจ้าอาวาสวัดนาคปรก โดยเฉพาะภาพพระกรุหลวงพ่อโต พิมพ์สามเหลี่ยมนางพญา เนื้อชินตะกั่ว และพระกลีบบัว เนื้อชานหมาก เนื้อว่าน เนื้อชินตะกั่ว จะเป็นพระที่พบเห็นได้น้อย หายาก ไม่ค่อยมีใครรู้จัก จึงเป็นโอกาศดี ของท่านผู้ที่อ่านบทความนี้ ที่เคารพศรัทธาในองค์หลวงปู่ชู จะได้มีโอกาศพบและจดจำ เพื่อเสาะหามาเป็นเจ้าของกันครับ
ภาพหลวงปู่ชู คงชูนาม วัดนาคปรก
ประวัติ หลวงปู่ชู วัดนาคปรก ภาษีเจริญ กรุงทพ
สำหรับประวัติความเป็นมาของวัดนาคปรกนั้น เป็นวัดที่ตั้งอยู่ ณ ถนนเทอดไทย ตำบลปากคลอง เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร เป็นวัดราษฎร์ สร้างขึ้นในช่วงรัตนกสินทร์ตอนต้น ตรงกับรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 มีเนื้อที่วัดประมาณ 12 ไร่เศษ ผู้สร้างคือ เจ้าสัวพุก ชาวจีนพ่อค้าสำเภา ซึ่งตามพระยาโชฎึกราชเศษฐี เข้ามาทำมาค้าขายโดยจอดท่าเรือสำเภาไว้ที่คลองสานใกล้ๆ สุเหร่าแขก และต่อมาได้ภรรยาเป็นคนไทยเจ้าสัวพุกเป็นผู้มีความเลื่อมใสในบวรพุทธศาสนา มีศรัทธาแรงกล้าในการจะสร้างวัดขึ้น ณ ที่ใกล้วัดนางชีอันเป็นพระอารามหลวง ซึ่งพระยาโชฎึกราชเศรษฐีเป็นผู้ถวายการบูรณะปฏิสังขรณ์ตามพระราชประสงค์ของ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รัชกาลที่ 1 สำหรับนามของวัดนี้ มาจากพระนามของพระพุทธรูปหนึ่งในจำนวน 2 องค์ ซึ่งเป็นพระประธานประจำพระวิหาร พระพุทธรูปองค์นี้เป็นพระพุทธรูปปางนาคปรก อันปรากฏในพระพุทธประวัติว่า เมื่อครั้งเสด็จนั่งเสวยวิมุติสุขยังร่มไม้จิก
ภาพผู้เขียนเมื่อครั้งอุปสมบทที่วัดนาคปรก เมื่อ่ปี พ.ศ.๒๕๒๖
ได้บังเกิดฝนตกพรำอยู่ตลอด 7 วันในครั้งนั้นพญามุจลินท์นาคราชออกจากนาคภพมาทำขนดล้อมพระวรกาย 7 ชั้น แล้วแผ่พังพานปกคลุมเบื้องบนเพื่อป้องกันลมและพายุฝนไม่ให้ซัดสาดมาต้องพระวรกายพระพุทธรูปปางนาคปรกนี้ นิยมสร้างเป็นพระประจำวันของผู้ที่เกิดวันเสาร์ เข้าใจว่าภรรยา ของเจ้าสัวพุกคงจะเกิดในวันนี้ นอกจากนั้นภาพจิตรกรรมภายในวิหารยังเป็นลายไทย ส่วนภายในพระอุโบสถมีภาพเขียนสีเป็นลายจีน และท่านผู้สร้างก็เป็นผู้ที่มีปฏิสัมภิทาและบุคลาธิษฐาน ซึ่งหยิบยกสิ่งที่เป็นรูปธรรมขึ้นมาเป็นหลักในการอธิบายสังเกตได้จากการที่สร้างพระวิหารไว้ทางทิศเหนือ และพระอุโบสถไว้ทางทิศใต้ องค์พระหันไปทางทิศตะวันออก เปรียบเสมือนผู้หญิงอยู่ทางซ้าย ผู้ชายอยู่ทางขวาวัดนาคปรก
พระกรุพิมพ์แหวกม่าน หลวงปู่ชู วัดนาคปรก เนื้อดินดิบ
วัดนาคปรก มีเจ้าอาวาสครองวัดมาแล้วหลายรูป แต่ไม่มีการจดบันทึกไว้ เริ่มมาบันทึกเป็นทางการถึงปัจจุบัน รวม 5 รูปคือ
1.พระอธิการ คงชูนาม พ.ศ. ๒๔๕๔-๒๔๗๗
2.พระอธิการเลี่ยม นนฺทิโย พ.ศ. ๒๔๗๘-๒๕๐๕
3.พระอาจารย์อำนาจ นราสโภ พ.ศ. ๒๕๐๕-๒๕๑๒
4.พระครูศรีพัฒนคุณ (พิศิษฐ สิมมามี) พ.ศ. ๒๕๑๓-๒๕๔๒
5.พระครูวรกิตติโสภณ (เศรษฐกิจ สมาหิโต) พ.ศ. ๒๕๔๓-ปัจจุบัน
พระกรุพิมพ์แหวกม่าน หลวงปู่ชู วัดนาคปรก เนื้อดินเผา
สำหรับหลวงปู่ชู อดีตเจ้าอาวาส ที่เป็นเกจิอาจารย์ชื่อดังเป็นที่เลื่องลือเมื่อประมาณ 80 กว่าปีก่อน ชาวบ้านในละแวกวัดรวมไปถึงจังหวัดใกล้เคียงต่างพากันกล่าวถึงเกียรติคุณของท่านมาจนกระทั่งทุกวันนี้ สิ่งที่ยังคงเหลือเป็นที่รู้จักกันอย่างดีคือ วัตถุมงคลต่างๆ ที่ท่านได้สร้างไว้ อาทิ เหรียญรูปเหมือนและเหรียญหล่อเนื้อสำริดชาติภูมิของหลวงปู่ชูนั้น ตามประวัติบันทึกว่า บ้านเดิมท่านเป็นชาวจังหวัดนครศรีธรรมราช เกิดเมื่อปี พ.ศ.2401 โยมบิดาชื่อ คง โยมมารดาไม่ทราบนาม โยมบิดามีอาชีพค้าขาย มีเรือโกลนล่องมาจากนครศรีธรรมราชมาค้าขายที่กรุงเทพฯ ต่อมาได้โยกย้ายถิ่นฐานมาตั้งรกรากที่จังหวัดธนบุรีในปี พ.ศ. 2412 ได้บรรพชาอุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดทองนพคุณ อันเป็นสำนักสอนกัมมัฏฐานที่มีชื่อเสียงมากในสมัยนั้น หลวงปู่ชูท่านได้ศึกษาทางด้านนี้ รวมทั้งจิตใจฝักใฝ่ในด้านพุทธาคมและไสยเวทมาตั้งแต่รุ่นหนุ่ม
พระกรุหลวงพ่อโตพิมพ์สามเหลี่ยมนางพญา(หายาก) หลวงปู่ชู วัดนาคปรก เนื้อชินตะกั่ว
จึงมุ่งมั่นศึกษาวิชาต่างๆ แต่ละแขนงจนกระทั่งเชี่ยวชาญ ว่ากันว่า ท่านยังเป็นศิษย์เรียนวิชาจากสำนักวัดระฆังโฆสิตารามอีกด้วยต่อมาท่านได้ลาสิกขาเพื่อสะดวกแก่การเดินทางไปศึกษาวิชาต่างๆ ท่านได้ไปขอศึกษาวิชากับ ท่านอาจารย์พลับ วัดชีตาเห็น (วัดชีโพ้นในปัจจุบัน) จ.อยุธยา ซึ่งมีชื่อเสียงมากในสมัยนั้น ได้ปรนนิบัติ และศึกษาวิชากับพระอาจารย์พลับจนหมดสิ้น จึงลาพระอาจารย์เดินทางขึ้นเหนือไปยังจังหวัดพิจิตร พิษณุโลก แต่ไม่ได้มีการบันทึกไว้ว่าท่านได้ไปศึกษาวิชากับพระอาจารย์รูปใด อีกทั้งการเดินทางไปของท่าน เป็นระยะเวลานานมากและยังขาดการติดต่อกับทางบ้าน บรรดาญาติพี่น้องพากันเข้าใจว่าท่านเสียชีวิตไปแล้ว พอท่านกลับมาเยี่ยมบ้าน ยังความปิติยินดีแก่ญาติพี่น้องเป็นอย่างยิ่ง โยมบิดามารดาจึงจัดหาตบแต่งภรรยาให้ท่าน อยู่กินกันจนมีบุตรธิดา รวม 3 คน เป็นชาย 2 หญิง 1หลังจากท่านแต่งงานมีครอบครัวท่านก็ได้ใช้ความรู้ทางด้านสมุนไพรใบยาและเวทย์มนต์คาถาที่ได้ร่ำเรียนมา ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ที่ตกทุกข์ได้ยาก เป็นที่เลื่อมใสของชาวบ้าน พากันเรียกท่านว่า พ่อหมอชูภายหลังท่านเกิดเบื่อหน่ายในโลกีย์วิสัย มองเห็นความไม่เที่ยงแท้ของสังขาร จึงได้อุปสมบทอีกครั้งหนึ่งที่วัดนางชี เขตภาษีเจริญ ต่อมาได้ย้ายมารับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดนาคปรก จวบจนกระทั่งมรณภาพ เมื่อวันพุธ แรม 5 ค่ำ เดือนยี่ ปีจอ พ.ศ.2477 รวมสิริอายุได้ 76 ปี
ภาพด้านหน้า พระกรุหลวงพ่อโต พิมพ์หลวงพ่อโต หลวงปู่ชู วัดนาคปรก เนื้อดินเผา
เท่าที่มีการบันทึกเรื่องราว และคำเล่าขานของชาวบ้านแถบวัดนาคปรกที่เล่ากันต่อๆ มา ถึงวัตรปฏิบัติปฏิปทาของหลวงปู่ชู ว่ากันว่า ท่านเป็นพระที่เรียบง่าย ไม่โอ้อวดตนว่าเป็นผู้วิเศษ มีความรู้ความสามารถเหนือผู้อื่น แต่กลับมีความอ่อนน้อมถ่อมตน มีคุณธรรมสูง เป็นแบบอย่างที่ดี และเป็นที่รักเคารพของบรรดาศิษย์ มีเรื่องเล่ากันว่า หลวงปู่ชู เป็นพระอาจารย์รูปเดียวที่ พระภาวนาโกศลเถระ หรือหลวงปู่เอี่ยม วัดหนัง พระเกจิอาจารย์ชื่อดัง กล่าวยกย่องว่า เก่งทางไสยศาสตร์และวิชาแพทย์แผนโบราณ ว่ากันว่า ถ้ามีคนตลาดพลูไปขอของดีจากหลวงปู่เอี่ยมท่านจะบอกให้มาเอาจากหลวงปู่ชู ในทางกลับกัน ถ้ามีคนบางขุนเทียนมาขอของดีจากหลวงปู่ชู ท่านจะแนะนำให้ไปขอจากหลวงปู่เอี่ยม หลวงปู่ทั้งสองนี้ต่างก็ให้ความเคารพซึ่งกันและกัน ต่างก็รู้วาระจิตกันดี และมักจะไปมาหาสู่กันเสมอหลวงปู่ชูท่านจะให้การอบรมพระภิกษุสามเณรในวัดเป็นอย่างดี ท่านจะมักเทศนาให้ชาวบ้านฟังเสมอๆ ว่าให้ตั้งมั่นอยู่ในศีลธรรม ประกอบอาชีพทำมาหากินสุจริต สมัยก่อนวัดนาคปรกและบริเวณโดยรอบเต็มไปด้วยป่าครึ้ม ชาวบ้านประกอบอาชีพกสิกรรม ทำสวนผลไม้และปลูกหมากพลู มีมากจนคนขนานนามว่า ตลาดพลู การคมนาคมในสมัยก่อนยังใช้เรือเป็นพาหนะ ไฟฟ้า ประปายังไม่มี ตกค่ำก็พากันจุดไต้และตะเกียงเพื่ออ่านคัมภีร์และหนังสือธรรมะ เป็นกิจวัตรประจำวันมีเรื่องเล่ากันว่า
ภาพด้านหลัง พระกรุหลวงพ่อโต พิมพ์หลวงพ่อโต หลวงปู่ชู วัดนาคปรก เนื้อดินเผา
วันหนึ่งขณะที่หลวงปู่กำลังดูหนังสือทบทวนปาฏิโมกข์โดยจุดตะเกียงวางไว้บนโต๊ะใกล้หน้าต่าง มีชาวบ้านที่เดินมาด้วยกันบอกเพื่อนที่มาด้วยกันว่า เอาตะเกียงพระส่องทางดีกว่า มืดจะตาย อีกคนก็เห็นพ้องด้วยก็พากันมาตรงหน้าต่างกุฏิหลวงปู่ คนหนึ่งเอื้อมมือไปหยิบตะเกียงแต่หยิบไม่ถึง ก็บอกเพื่อนให้หาไม้มาเขี่ย ทำให้ลวงปู่รู้ว่า มีคนจะมาเอาตะเกียงด้วยความเมตตาของท่าน แทนที่จะร้องทักขึ้นกลับนั่งเงียบเสีย แล้วใช้เท้าดันตะเกียงไปชิดริมหน้าต่างเพื่อจะได้หยิบสะดวก ทั้งสองคนจึงขโมยตะเกียงของท่านไปได้อย่างง่ายดาย เมื่อไม่มีตะเกียงก็ไม่สามารถอ่านหนังสือได้จึงจำวัดพักผ่อนจวบจนรุ่งสาง เสียงไก่ขัน ได้เวลาที่ท่านจะต้องตื่นขึ้นมาทำวัตรเช้าและนั่งสมาธิเป็นประจำทุกวัน ขณะที่กำลังถือกระบวยจะตักน้ำล้างหน้า ก็มองเห็นแสงไฟริบหรี่วนไปวนมาอยู่ในสวน ซึ่งท่านก็ไม่ได้สนใจว่า ชาวบ้านกำลังทำอะไร เข้าห้องครองจีวรและสังฆาฏิเตรียมสวดมนต์ ก็ได้ยินเสียงคนมาร้องเรียกอยู่หน้ากุฏิ ท่านจึงได้เปิดประตูออกดู
พระกรุพิมพ์พระสังกัลจายน์ หลวงปู่ชู วัดนาคปรก เนื้อดินเผา
เห็นชายสองคนถือตะเกียงของท่าน กำลังนั่งคุกเข่าปะนมมืออยู่ พอเห็นท่านก็ก้มลงกราบด้วยความเคารพ พร้อมกับพูดขึ้นว่า"หลวงปู่ครับ ลูกขอขมาลาโทษ ลูกทำผิดอย่างใหญ่หลวง ที่ขโมยตะเกียงของหลวงปู่ไป ลูกเดินวนเวียนอยู่ในบริเวณวัดทั้งคืนหาทางกลับบ้านไม่ถูกเลย ขอหลวงปู่จงยกโทษให้ลูกด้วยเถิดครับ"หลวงปู่ได้ฟังจบ ก็ยิ้มอย่างมีเมตตาและกล่าวขึ้นว่า"หลวงปู่ให้อภัยถ้าเธอมีโทษเพราะเรื่องนี้ ความมืดภายนอกจากการสิ้นแสงอาทิตย์และเดือนดาว ยังจิตใจของคนเราให้มืดบอดไปด้วย เขาเรียกว่ามืดทั้งภายใน แต่ถ้าผู้ใดสามารถกำจัดอวิชชาตัวที่ทำให้ไม่รู้หมดสิ้นไป ผู้นั้นก็จะสว่างทั้งภายนอกและภายใน หลับอยู่ก็รู้ นอนยู่ก็เห็น ไม่จำเป็นต้องมีตะเกียงนำทาง ขอให้เธอทั้งสองจงสว่าง เห็นทางกลับบ้านอยู่กับครอบครัวอย่างเป็นสุขเถิด"ข้อความที่หลวงปู่กล่าวกินใจของคนทั้งคู่ ต่างพานก้มลงกราบด้วยความเคารพศรัทธาพร้อมกับเอ่ยปากขอฝากตัวเป็นศิษย์แล้วลากลับบ้าน
ด้านหน้ารวมภาพพระกรุ หลวงปู่ชู วัดนาคปรก ทุกเนื้อทุกพิพ์ ในภาพนี้จะมีแปลกที่ไม่ใช่พระกรุของหลวงปู่ชู ก็คือพระปิดตาเนื้อชินตะกั่วองค์เล็ก เพราะเป็นพระฝากกรุที่ได้จากสถูปเจดีย์ที่อยู่ข้างเรือสำเภาโบราณที่พบพระกรุวัดนาคปรก ที่แตกกรุในสมัยท่านพระครูศรีพัฒนคุณ เป็นเจ้าอาวาสวัดนาคปรก เมื่อปี พ.ศ.2516
อีกเรื่องหนึ่งที่กลายเป็นเรื่องเล่าขานกันต่อมาคือ เรื่องที่หลวงปู่ชูให้หวยแม่น ในสมัยนั้น ชาวบ้านย่านตลาดพลู ใครมีเรื่องทุกข์ร้อน มักจะมาหาท่านให้ท่านช่วยเหลือ บางคนที่ไม่มีอะไรจะกิน หลวงปู่ท่านจะสงเคราะห์ให้ตามสมควร จนกระทั่งมีข่าวเล่าลือว่า หลวงปู่ให้หวย อันเป็นการผิดกฎของคณะสงฆ์ สมเด็จพระสังฆราชทรงทราบเรื่องจึงทรงสอบสวนวินัย โดยมอบให้ท่านเจ้าคุณวัดอนงค์คาราม เป็นผู้สอบสวน ท่านเจ้าคุณวัดอนงค์จึงเรียกให้หลวงปู่ชูมาพบที่วัด หลวงปู่ก็ไปพบแต่โดยดี ไปถึงก็กราบท่านเจ้าคุณพร้อมกับนั่งประนมมือฟังคำบัญชาด้วยใจเด็ดเดี่ยวและมั่นคงท่านเจ้าคุณวัดอนงค์จึงถามขึ้นว่า "ให้หวยเก่งนักหรือ" หลวงปู่ชูได้ตอบไปว่า "ขอก็ให้ ไม่ขอก็ไม่ให้"ท่านเจ้าคุณวัดอนงค์ได้ฟังดังนั้นจึงสรุปว่าหลวงปู่ให้หวยผิดวินัย โกหกหลอกลวงชาวบ้าน แต่ถ้าสามารถตอบอะไรท่านได้ จะไม่ถือเอาโทษ หากตอบไม่ได้จะปรับโทษทางวินัย แล้วท่านเจ้าคุณก็เขียนหนังสือใส่ซองจดหมายอย่างหนาแล้วนำเอามาวางไว้ตรงหน้าหลวงปู่
ด้านหน้ารวมภาพพระกรุ หลวงปู่ชู วัดนาคปรก ทุกเนื้อทุกพิพ์ ในภาพนี้จะมีแปลกที่ไม่ใช่พระกรุของหลวงปู่ชู ก็คือพระปิดตาเนื้อชินตะกั่วองค์เล็ก เพราะเป็นพระฝากกรุที่ได้จากสถูปเจดีย์ที่อยู่ข้างเรือสำเภาโบราณที่พบพระกรุวัดนาคปรก ที่แตกกรุในสมัยท่านพระครูศรีพัฒนคุณ เป็นเจ้าอาวาสวัดนาคปรก เมื่อปี พ.ศ.2516
โดยมีพระเถระเป็นสักขีพยานหลายรูป รวมทั้งมัคนายกอีกทั้งสองนายซึ่งนั่งดูการพิจารณาพิพากษาในที่นั้นอยู่ด้วย เมื่อวางซองจดหมายแล้ว เขียนว่าอย่างไรบ้าง หลวงปู่ชูจึงนั่งหลับตาอยู่ราวอึดใจหนึ่งจึงกราบเรียนท่านเจ้าคุณรวมทั้งสักขีพยานว่า "ในซองนั้นเขียนคำว่า สมภารชูให้หวย" พอฉีกซองออกมาดู ทั้งข้อความที่ปรากฏอยู่ เป็นไปดังที่หลวงปู่กล่าวทุกประการ หลังจากนั้นได้นิมนต์ให้กลับวัดหมดโทษหมดมลทินใดๆ เพราะท่านไม่ได้หลอกลวงใครดังกล่าวหา และต่อมาภายหลังท่านเจ้าคุณวัดอนงค์ได้มาเยี่ยมเยียนหลวงปู่ชูที่วัดเสมอ
จนถูกอัธยาศัยไมตรีกันตราบจนสิ้นชีวิตเรื่องหลวงปู่ชูให้หวยแม่นและเรื่องที่ท่านโดนท่านเจ้าคุณอนงค์เรียกไปสอบกลายเป็นข่าวเลื่องลือไปทั่ว วันหนึ่ง นักเลงจับยี่กีเดินโพยหวยชื่อ ตาแหวง บ้านอยู่หลังวัดปรก คิดจะทดลองความแม่นยำในการใบ้หวยของหลวงปู่ เพราะตนเพียงได้ยินเสียงเล่าลือจึงยังไม่เชื่อถือ ตาแหวงจึงขึ้นไปกราบหลวงปู่ที่กุฏิแล้วแจ้งความประสงค์แบบซื่อๆ ด้วยใจนักเลงว่า "หลวงปู่ครับ เขาลือกันว่าหลวงปู่ให้หวยแม่น ถ้าเป็นจริงดังคำเล่าลือ ขอได้โปรดเมตตาสงเคราะห์กระผมบ้าง กระผมอยากได้เลขจากหลวงปู่ เพียงตัวเดียวเท่านั้นแหละครับ"หลวงปู่ได้ฟังแล้วก็ยิ้มอย่างมีเมตตา นิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงตอบไปว่า
ภาพด้านหน้า เหรียญหลวงปู่ชู วัดนาคปรก ปี ๒๕๐๐ สร้างโดย หลวงปู่เลี่ยม อดีตเจ้าอาวาสวัดนาคปรก รูปที่ ๒ บุตรชายของหลวงปูชู
"แหวงเอ๊ย . . แกเป็นคนไม่มีโชคด้านนี้ ข้าให้ไปแกก็เอาไม่ได้ อย่าเล่นเลยดีกว่าเชื่อข้าเถอะ" ตาแหวงได้ยินก็สงสัยเพราะเท่าที่รู้มาใครขอท่านมักจะไม่ขัด จึงอ้อนวอนขอท่านอีกครั้งว่า "หลวงปู่ให้มาเถิดครับ ถึงรู้ว่าผมไม่มีโชค ถ้าให้แล้วไม่มีโชคจริงละก็ จะเลิกการพนันตลอดชีวิตเลยครับ"หลวงปู่ท่านจึงถามย้ำอีกครั้งว่า จะเลิกเล่นตลอดชีวิตจริงอย่างที่ว่าหรือไม่ ตาแหวงก็ยืนยันแข็งแรง หลวงปู่ถึงถามว่า เลขตัวเดียวได้กี่บาท ตาแหวงก็แจกแจงบอกกติกาการเล่นให้ท่านทราบโดยละเอียด ท่านจึงบอกว่า "เลขตัวเดียวรวยช้า เอาไป 3 ตัวตรงๆ ไม่มีการสลับตำแหน่ง เงินมีเท่าไหร่ซื้อให้หมด" พูดจบท่านก็เขียนตัวเลข 3 ตัวใส่ระดาษส่งให้ตาแหวงไปตาแหวงเอง เมื่อได้เลขจากหลวงปู่แล้วก็นั่งฝันความเป็นเศรษฐีของตนในวันพรุ่งนี้ พอถึงวันหวยออก ก็เดินหาซื้อเลขดังกล่าว แต่วันนั้นเกิดเต็มไม่สามารถซื้อได้ทั้งที่ตนเป็นเจ้ามือวิ่งโพยเอง จึงรีบไปซื้อที่อื่นเขาก็ว่าตำรวจกวนวันนี้งดขาย ตามอยู่หลายเจ้าก็ไม่มาสารถซื้อเลขที่หลวงปู่ให้มาได้เลย จนกระทั่งถึงเวลาหวยออกตาแหวงก็ยังคงวิ่งหาซื้อเลขนี้อยู่ ถึงตอนประกาศรางวัลที่ 1 เลข 3 ตัวท้ายออกมาตรงกับที่หลวงปู่ให้ไม่ผิดเพี้ยนตาแหวงถึงกับเข่าอ่อนทรุดลงไปนั่งกองกับท้องร่องสวนหมากหลังวัด
ภาพด้านหลัง เหรียญหลวงปู่ชู วัดนาคปรก ปี ๒๕๐๐ สร้างโดย หลวงปู่เลี่ยม อดีตเจ้าอาวาสวัดนาคปรก รูปที่ ๒ บุตรชายของหลวงปูชู
นึกถึงคำพูดของหลวงปู่ขึ้นมาได้ ก็วิ่งแจ้นไปยังกุฏิหลวงปู่ บอกท่านว่า "หลวงปู่ครับ ผมไม่มีโชคเหมือนที่หลวงปู่ว่า ต่อไปนี้ผมเลิกเล่นการพนันทุกชนิด หากผิดสัจจะก็ขอให้พบกับความวิบัติ และฝากตัวรับใช้หลวงปู่ตลอดไป"หลวงปู่ได้พูดปลอบใจตาแหวงว่า "วาสนาของเรามันเป็นอย่างนั้น อย่าเสียใจไปเลย เราไม่ได้สร้างกุศลเรื่องทางนี้มา จะเปรียบกับคนอื่นเขาไม่ได้ดอก พอใจในสิ่งที่ตนมี ยินดีในสิ่งที่ตนเป็น ก็มีความสุขแล้วมิใช่หรือตาแหวง" จากนั้นมา ตาแหวงก็เป็นโยมรับใช้หลวงปู่จนชั่วชีวิตตามที่ได้ให้สัจจะไว้ทุกประการ
ภาพ พระครูศรีพัฒนคุณ (พิศิษฐ สิมมามี) อดีตเจ้าอาวาส วัดนาคปรก พระผู้นำความเจริญมาสู่ วัดนาคปรก
การรวบรวมบทความเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของท่านหลวงปูชู คงชูนามและวัตถุมงคลของท่าน และประวัติความเป็นมาของวัดนาคปรกในครั้งนี้ เจตนาของข้าพเจ้าก็เพื่อเป็นการเชิดชูเกียติคุณของท่าน หลวงปูชู คงชูนาม และเกียติคุณของวัดนาคปรก โดยเฉพาะหลวงพ่อบุญธรรมของข้าพเจ้า ท่านพระครูศรีพัฒนคุณ(พิศิษฐ สิมมามี) พระผู้มีแต่ให้ ท่านเป็นผู้ที่อยู่เบื่องหลังความสำเร็จและความเจริญรุ่งเรืองของวัดนาคปรกในยุคปัจจุบันตราบจนชีวิตของท่านหาไม่
เมื่อท่านมรณะภาพลงแล้ว หลวงพ่อท่านก็ยังได้สั่งเสียให้เอาอัฐิของท่านไปบรรจุไว้หลังมณฑปของท่านหลวงปู่ชู ซึ่งหลวงพ่อท่านพระครูศรีพัฒนคุณท่านมีความเคารพบูชาในองค์หลวงปูชู คงชูนามเป็นอย่างยิ่ง เป็นสถูปเจดีย์เล็กๆหากไม่สังเกตุจะไม่มีทางรู้เลยได้ว่า นี่คือสถูปเจดีย์ของอดีตท่านเจ้าอาวาสนักพัฒนาผู้สร้างความเจริญรุ่งเรืองให้แก่วัดนาคปรกอย่างมากมายมหาศาล
และขอขอบคุณท่านพระครูวรกิตติโสภณ (เศรษฐกิจ สมาหิโต) ที่ยังไม่ลืมท่านหลวงพ่อพระครูศรีพัฒนคุณ โดยท่านพระครูวรกิตติโสภณ ท่านได้สร้างรูปเหมือนเท่าองค์จริงของท่านพระครูศรีพัฒนคุณ(พิศิษฐ สิมมามี)ขึ้น เพื่อให้บรรดาลูกศิษย์ลูกหาและลูกบุญธรรมของท่านพระครูศรีพัฒนคุณ(พิศิษฐ สิมมามี)อย่างข้าพเจ้า ได้มีที่กราบไว้บูชาระลึกถึงบุญคุณความดีของท่าน โดยไปต้องไปทำความสะอาดสถูปเจดีย์เล็กๆเก่าๆ ที่ไม่ค่อยมีคนสนใจเหมือนอย่างแต่ก่อน ที่ข้าพเจ้าไปไหว้องค์หลวงพ่อท่าน ขอขอบพระคุณครับ
ภาพหมู่ สามเณรภาคฤดูร้อน รุ่นแรก วัดนาคปรก เมื่อวันที่ 1 พฤษพาคม 2517
วิทย์ วัดอรุณ(อัครวิทย์ รัตนประสิทธิ์)
บันทึกเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ.2556
หนังสือพิมพ์กะฉ่อนดอมคอม ทีมงานวิทย์ วัดอรุณ รายงาน
.......
บารมีเหรียญพระเจ้าตากชาววัดอรุณ รุ่นกรุงธนบุรี ช่วยชีวิตหนุ่มใหญ่ให้รอดตายจากเหตุรถพลิกคว่ำ
https://sacred.kachon.com/353935
.......
ประมวลปาฏิหาริย์แห่งเหรียญสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชชาววัดอรุณ(คลิ๊ก)
https://sacred.kachon.com/353522
.....
ร้านเช่าบูชาวัตถุมงคล by กะฉ่อนดอทคอม(คลิ๊ก)
https://shop.kachon.com
ชมภาพทั้งหมด คลิ๊ก
ชมคลิปทั้งหมด คลิ๊ก
ชมภาพทั้งหมด คลิ๊ก
ชมคลิปทั้งหมด คลิ๊ก